วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ภาพยนต์ Alice Through the Looking Glass (อลิซภาค 2)

          ทิม เบอร์ตัน ได้เลือกนำหนังสือสองเล่ม คือ Alice’s Adventures in Wonderland (1865) ที่อลิซตามกระต่ายขาวเข้าโพรงลงมายังแดนมหัศจรรย์ ได้พบกับแมดแฮทเทอร์และแมวเชสเซอร์เป็นครั้งแรก จนการต่อสู้เอาตัวรอดจากราชินีโพแดงในท้ายเรื่อง กับ Through the Looking-Glass, and What Alice Found There (1871) ซึ่งเป็นภาคต่อว่าด้วยอลิซวัย 7 ขวบครึ่ง ที่อยากเข้าไปในโลกกระจก และต้องเข้าไปอยู่ตรงกลางระหว่างการแข่งหมากรุกของราชินีแดงและราชินีขาว ที่มีตัวละครอย่าง ฮัมพ์ตี้ดัมพ์ตี้ และแฝดพี่น้องทวีดเดิ้ล รวมถึงแมดแฮทเทอร์เป็นคู่ต่อสู้ เบอร์ตันเลือกผสมตัวละครของทั้งสองเล่มโดยใช้โครงเรื่องจากเล่มแรกพัฒนามาเป็นหนัง Alice in Wonderland (2010) และปรับภาพอลิซเด็กน้อย มาเป็นสาวที่โตขึ้นและตกอยู่ใต้สังคมที่ผู้ชายเป็นใหญ่ ผู้หญิงต้องอยู่บ้านและแต่งงานเป็นแม่ของลูกที่ดี แน่นอนความฝันการเป็นนักผจญภัยของสาวน้อยอลิซตามรอยพ่อ เป็นเรื่องน่าขบขันและเป็นไปไม่ได้เลย การเข้าไปในโลกมหัศจรรย์จึงเป็นการขจัดปมในใจของตัวละครด้วย




           มาถึงภาคสอง หนังเปลี่ยนผู้นำวิสัยทัศน์มาเป็น เจมส์ โบบิน ที่โด่งดังมาจากหนังอย่าง The Muppets (2011) และกำกับรายการอย่าง Da Ali G Show ที่สร้างชื่อให้ดาราตลก ซาช่า บารอน โคเฮน ที่มาแสดงนำในเรื่องนี้ด้วย แม้จะเปลี่ยนผู้กำกับแต่ ทิม เบอร์ตัน ก็ยังคงนั่งตำแหน่งโปรดิวเซอร์ และได้ ลินดา วูลเวอร์ตัน ที่เขียนบทในภาคแรกมาสานต่อ ทำให้หนังต่อเนื่องลื่นไหลจากภาคแรกอย่างลงตัว ด้วยความที่ภาคแรกนั้นได้นำเนื้อหาในส่วนของหนังสือ 2 เล่มมาเล่นไปหมดแล้ว ลินดา จึงได้นำบางส่วนในเล่มที่สองมาขยายเป็นบทหนังเวอร์ชั่นใหม่ที่แฟนหนังสือไม่เคยได้สัมผัสได้อย่างน่าสนใจ




          หนังเล่าถึง อลิซ ที่หลังจากกลับมายังโลกของตัวเองในภาคแรก เธอไล่ตามความฝันสานต่อการเป็นกัปตันเรือหญิงให้กับเรือนามวันเดอร์ของพ่อเธอ ออกเดินทางข้ามโลกไปสำรวจดินแดนที่ยังไม่มีใครเคยไป หนังเปิดตัวด้วยฉากการหนีตายจากโจรสลัดท่ามกลางพายุคลั่งและหินโสโครกได้อย่างสนุกมากๆ ก่อนจะเปิดปูมปัญหาของอลิซครั้งใหม่ เมื่อเธอกลับขึ้นฝั่งและพบบ้านของแม่เธอและเรือวันเดอร์ที่น่าภาคภูมิใจของพ่อกำลังจะโดนยึดจาก เฮมิช ลูกเศรษฐีสุดสปอยล์ที่เธอเคยหักหน้าปฏิเสธการแต่งงานในที่สาธารณะในภาคก่อน ซึ่งบัดนี้ได้ขึ้นเป็นเจ้าบ้านแอกคอร์ทเจ้าหนี้คนสำคัญของเธอแล้ว  ในระหว่างที่ความฝันกำลังพังลงเมื่อพบโลกความจริง เธอก็ถูกชักนำสู่ดินแดนมหัศจรรย์อีกครั้งเพื่อช่วยเหลือ แฮทเทอร์ ซึ่งหลบหน้าผู้คนเพราะไม่มีใครเชื่อที่เขาพูดว่าครอบครัวของเขายังคงมีชีวิตอยู่ ถ้าใครจำได้ในภาคแรกแฮทเทอร์เคยเล่าว่าครอบครัวเขาถูกเจ้ามังกร แจ๊บเบอร์ว๊อคกี้ ของราชินีโพแดงหรือราชินีแดงในภาคนี้สังหารเมื่อนานมาแล้ว ดังนั้นเรื่องที่แฮทเทอร์พูดในคราวนี้จึงยากจะเชื่ออย่างมาก แม้แต่ตัวอลิซที่เป็นเพื่อนสนิทของแฮทเทอร์เองก็ตาม อลิซที่เคยมีคติว่าทุกอย่างเป็นไปได้เสมอเมื่อเพิ่งเจอกับเรื่องที่บ้านก็เริ่มเปลี่ยนความคิด แฮทเทอร์เสียใจที่ไม่มีใครเชื่อและค่อยๆล้มป่วยลงจนอาจจะตายได้ ราชินีขาวมิรานา จึงเสนอแผนสุดท้าทายออกมาว่า ให้อลิซไปขโมยแก่นเวลาของ ไทม์ ที่คอยดูแลกาลเวลาต่างๆมาเพื่อย้อนเวลาไปช่วยเหลือครอบครัวของแฮทเทอร์ก่อนจะถูกมังกรฆ่าตาย และที่ปราสาทนั้นเองอลิซก็ต้องเผชิญทั้งลูกน้องของไทม์ และศัตรูคู่แค้นอย่าง ราชินีแดงไอราเซเบ็ธ ผู้เป็นพี่ของราชินีขาวนั้นเอง



          บทหนังจัดว่าทำได้กลมกล่อมและคิดมาละเอียดมาก โดยสามารถคลายปมต่างๆที่ดูเหมือนไม่มีเหตุผล ทั้งภาคเก่าๆ ตั้งแต่ว่า ทำไมราชินีโพแดงถึงหัวใหญ่ ทำไมนางชอบสั่งตัดหัวคน และทำไมถึงแค้นราชินีขาวและแฮทเทอร์นัก ทำไมแฮทเทอร์ถึงสร้างหมวกประหลาดๆ เป็นต้น หรือจะเป็นปมภาคใหม่อย่าง ราชินีขาวกับแดงจะคืนดีกันได้อย่างไร จะช่วยเหลือครอบครัวแฮทเทอร์ได้อย่างไร เราจะแก้ไขอดีตได้ไหม เวลาคือสิ่งใด เราควรจัดการกับเวลาและอุปสรรคอย่างไร ซึ่งสะท้อนกลับไปที่ปมในใจของอลิซเรื่องความเชื่อที่พังทลายลงได้สมบูรณ์ลงตัวทุกส่วน คือได้ทั้งความสนุก ลุ้น ตื่นเต้น ซาบซึ้ง อิ่มตาอิ่มใจ ได้ข้อคิด ขอชมเลยว่าบทหนังเล่นกับคำว่า เวลา ที่เป็นหนึ่งในตัวเดินเรื่องหลักของภาคนี้มาได้อย่างดีเยี่ยม


ที่มา : www.beartai.com/lifestyle/movies/112617


อลิซท่องแดนมหัศจรรย์ (ภาพยนตร์การ์ตูนของดิสนีย์)

          Alice in wonderland หรือชื่อดั้งเดิมคือAlice adventures in wonderland แรกเริ่มเดิมทีเป็นนิยายที่ถูกเขียนขึ้นโดยนักประพันธ์ ลูอิส แครอลล์(นามปากา : ชาร์ล ลุดวิทซ์ ดอดจ์สัน)โดยตัวละครหลักคือสาวน้อยขี้สงสัยและเอาแต่ใจนามว่า อลิซด้วยความซุกซนทำให้เธอได้ตกลงไปในดินแดนมหัศจรรย์และได้รับบทเรียนอันน่าพิศวงไม่รู้ลืม





          Alice in wonderland  ได้กลายเป็นที่นิยมอย่างมากเมื่อบริษัทวอลท์ดิสนีย์  สร้างอลิซในดินแดนมหัศจรรย์เป็นแอนิเมชันและฉายครั้งแรกในวันที่26 กรกฎาคม 1951 โดยผู้กำกับClyde" Geronimi และคณะกับสาวน้อยผู้เป็นต้นแบบอลิซแคทริน บัวมองต์ เป็นผู้ให้เสียงพากษ์ของอลิซและเวนดี้ในเรื่องปีเตอร์โดนเธอได้รับการยกย่องให้เป็น1ในตำนาน Disney legend อีกด้วย



ที่มา : www.th.wikipedia.org/wiki/อลิซท่องแดนมหัศจรรย์_(ภาพยนตร์การ์ตูนของดิสนีย์)

วันจันทร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

นิทานเรื่องอลิซ

อลิซผจญภัยในแดนมหัศจรรย์
ผู้แต่ง  ลูอิส คาร์รอลล์
ผู้แปล ศาสตราจารย์ ดร.ระวี ภาวิไล



          ถ้าเอ่ยถึงเทพนิยายคลาสสิกที่มีชื่อเสียงของอเมริกา เราจะนึกถึง พ่อมดมหัศจรรย์แห่งออซ ของแฟรงก์ โบม เทพนิยายที่กระตุ้นให้คนตั้งความปรารถนาให้คนได้ใฝ่ฝัน... หรือถ้าเอ่ยถึงประเทศฝรั่งเศษ เราจะต้องคิดถึง เจ้าชายน้อย  ของ อังตวน เดอ แซงเตกซูเปรี เรื่องราวที่มีแง่คิดหลากหลาย ลึกซึ้ง ออกแนวโรแมนติก  และแน่นอนถ้าพูดถึงอังกฤษ  เราคงไม่พลาดที่จะต้องกล่าวถึงอลิซผจญภัยในแดนมหัศจรรย์ ของลูอิส คาร์รอลล์ นิทานสำหรับเด็กที่ได้รับความนิยมแพร่หลายมากที่สุดเรื่องหนึ่งในประเทศตะวันตก  เรื่องราวของอลิซที่กลายมาเป็นเทพธิดาน้อยในแดนมหัศจรรย์ และเป็นเรื่องที่ส่งผลให้ครูสอนคณิตศาสตร์คนหนึ่งกลายมาเป็นนักประพันธ์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกในที่สุด

เรื่องย่อ...
วันหนึ่งขณะที่อลิซนั่งเล่นอยู่กับพี่สาวเธอเห็นกระต่ายสวมเสื้อมือถือนาฬิกาพกขึ้นดู พร้อมบ่น "สายแล้ว สายแล้ว"แล้ววิ่งผ่านหน้kเธอไปเธออกวิ่งตามกระต่ายน้อยและนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวมหัศจรรย์ 

อลิซวิ่งตามเจ้ากระต่ายจนกระทั่งเข้าไปในโพรงไม้และที่นั่นทำให้เธอได้พบอีกดินแดนหนึ่งดินแดนที่เธอสามารถพูดคุยกับสัตว์ต่างๆได้ เธอพบกับแมวเชไชร์แมวเหมียวที่มีรอยยิ้มกว้างขวาง(แน่ล่ะ ไม่มีแมวตัวไหนยิ้มได้)และมันยังหายตัวได้อีกด้วย

อลิซได้ร่วมดื่มน้ำชา(จริงแท้แล้วเธอเชิญตัวเองเข้าร่วมดื่มน้ำชาโดยที่ยังไม่มีใครเชิญ)กับเจ้ากระต่ายมีนา ,เจ้าหมวกและเจ้ากระแตซึ่งตลอดเวลาเอาแต่นอนหลับ นอกจากนี้อลิซยังได้ร่วมเล่นโครเกตกับราชินีไพ่ราชินีที่ตลอดเวลามีแต่คำสั่ง"ตัดหัว เอาไปตัดหัวให้หมด"ติดปากตลอดเวลาและเธอยังได้เข้าร่วมฟังคำพิพากษาหาตัวผู้ขโมยขนมถาดของพระราชินีโดยที่เธอต้องตกเป็นพยานคนหนึ่งด้วย

อลิซโดดตามลงไปทันทีโดยไม่ได้ยั้งคิดเลยว่าเธอจะกลับออกมาอีกได้อย่างไร

โพรงกระต่ายนั้นเป็นท่อตรงไปยาวพอประมาณ แล้วก็หักลงโดยทันที  อลิซหยุดไม่ทันจึงรู้สึกว่ากำลังตกลงไปในเหวที่ลึกมาก

เหวนั้นต้องลึกมาก  หรือมิฉะนั้นเธอก็ตกช้ามาก เพราะว่าขณะที่เธอกำลังตกอยู่นั้น  เธอมีเวลามากพอที่จะมองดูรอบๆ ตัวและคิดเป็นห่วงว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป ตอนแรกเธอพยายามมองลงไปข้างล่างเพื่อดูว่าจะตกลงไปถึงไหน แต่ก็มืดมองไม่เห็นอะไรเลย แล้วเธอก็มองรอบๆ ผนังเหว และสังเกตได้ว่ามีตู้และหิ้งหนังสือ เห็นแผนที่และรูปภาพแขวนไว้เป็นแห่งๆ เธอเอื้อมหยิบขวดใบหนึ่งจากหิ้งซึ่งเธอเคลื่อนที่ตกผ่าน มีป้ายปิดเขียนไว้ว่า  "แยมผิวส้ม" แต่น่าเสียดายที่มันเป็นขวดเปล่า เธอไม่อยากจะทิ้งขวดให้ตก เพราะกลัวว่าจะไปถูกใครตาย จึงใส่เข้าไปในตู้ใบหนึ่งเมื่อเธอตกผ่านไป

เธอคิดในใจว่า "ได้เคยตกระยะสูงๆ อย่างนี้แล้ว การตกบันไดน่ะไม่เท่าไหร่เลย นี่ถ้าที่บ้านรู้เข้า ก็ต้องคิดว่าฉันกล้าหาญไม่น้อยทีเดียวละ ทีนี้แม้ฉันจะตกจากหลังคาบ้านก็จะไม่บ่นสักคำ" (ซึ่งน่าจะจริงทีเดียว)

ตกลงไป ตกลงไป ตกลงไป การตกนี้จะไม่มีวันสิ้นสุดเทียวหรือ "นี่ฉันตกมาได้สักกี่ไมล์แล้วนะ" อลิซพูดดังๆ "น่ากลัวจะใกล้ใจกลางของโลกมากแล้ว ลองคิดดูซิ คงเป็นสี่พันไมล์ ฉันคิดว่า..." (ท่านผู้อ่านควรจะทราบไว้ด้วยว่าอลิซเรียนเรื่องเช่นนี้มามากมายที่โรงเรียน และแม้ว่าขณะนี้จะไม่ใช่เวลาเหมาะนักสำหรับการแสดงภูมิของเธอ โดยที่ไม่มีใครฟังอยู่เลย แต่ก็เป็นการฝึกฝนที่ดี) "ถูก ระยะทางประมาณนั้นแหละ แต่นี่ฉันชักสงสัยว่ามาถึงเส้นรุ้งเส้นแวงเท่าไรแกันแล้วนะ" (อลิซไม่รู้ว่าเส้นรุ้งเส้นแวงคืออะไร แต่รู้สึกว่าเป็นคำที่โก้น่าพูดดี)

อลิซผจญภัยในแดนมหัศจรรย์ คือเรื่องราวของเทพนิยายในความฝันที่สัตว์นานาชนิดมีความนึกคิดไม่ผิดกับคน ในความรู้สึกของเด็กๆ นี่คือ...เรื่องราวสนุกสนานชวนตื่นเต้น เต็มไปด้วยจินตนาการ ในความคิดเห็นของผู้ใหญ่ คือเรื่องที่เขียนขึ้นอย่างง่ายๆ น่าอ่านเข้าถึงจิตใจของเด็กๆ ได้ดี  ในสายตานักวิจารณ์เป็นเรื่องที่ล้อเลียนการศึกษา การเมือง และชีวิตชาวอังกฤษสมัยพระราชินีวิกตอเรีย และในความเป็นเทพนิยายคลาสสิก อลิซคือเทพธิดาน้อยๆ ในแดนมหัศจรรย์ที่ทำให้นักคณิตศาสตร์คนหนึ่งกลายมาเป็นนักประพันธ์เอกของโลก...ไปในที่สุด

อลิซผจญภัยในแดนมหัศจรรย์ได้รับการยกย่องว่าเป็นวรรณกรรมคลาสสิกเล่มหนึ่งของโลกแม้ว่าหนังสือเล่มนี้จะจัดอยู่ในประเภทนิยายสำหรับเด็ก แต่ภายใต้เหตุการณ์อันน่าตื่นใจที่ผู้แต่งประพันธ์ไว้ได้แฝงแง่มุมที่เป็นแนวคิดลึกซึ้งเกี่ยวกับโลกและชีวิตไว้มากมาย  นักวิชาการที่เขียนบทความหรือตำราทางปรัชญา และวิทยาศาสตร์จึงมักอ้างอิงข้อความจากหนังสือนี้บ่อยครั้ง หนังสือเล่มนี้จึงนับเป็นหนังสือประเทืองปัญญาที่เหมาะสำหรับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ทุกยุคสมัย

ที่มา : www.bloggang.com/mainblog.php?id=ryoroong&month=26-09-2016&group=14&gblog=2



Alice in Wonderland (อลิซ ภาค 1)

อลิซในแดนมหัศจรรย์


                อลิซในแดนมหัศจรรย์ คือภาพยนตร์ผจญภัยแฟนตาซีในปี ค.ศ. 2010 กำกับโดยทิม เบอร์ตัน เป็นผลงานการประพันธ์บทภาพยนตร์ของลินดา วูลเวอร์ตัน นำแสดงโดย มีอา วาซีโควสกา, จอห์นนี เดปป์, แอนน์ แฮททาเวย์, เฮเลน่า บอนแฮม คาร์เตอร์, คริสพิน โกลเวอร์, ไมเคิล ชีน และ สตีเฟน ฟราย ซึ่งเป็นส่วนต่อขยายของวรรณกรรมชุด อลิซท่องแดนมหัศจรรย์ และ ธรูเดอะลุกกิงกลาสส์ ซึ่งภาพยนตร์ได้ใช้เทคนิคการตัดต่อผสมระหว่างการแสดงจริงและแอนิเมชัน


                ในภาพยนตร์เป็นการดำเนินเรื่องของอลิซในวัย 19 ปีและกลับเข้าไปยังดินแดนใต้พิภพโดยบังเอิญ สถานที่ซึ่งเธอเคยเข้าไปแล้วเมื่อ 13 ปีที่แล้ว เธอกล่าวว่าเธอเป็นเพียงผู้เดียวที่สามารถสยบแจ็บเบอร์ว็อกกี มังกรร้ายที่ควบคุมโดยเรดควีน ทิม เบอร์ตันกล่าวว่าแต่ดั้งเดิมนั้นเรื่องราว ดินแดนมหัศจรรย์ นั้นเกี่ยวกับเด็กหญิงที่เร่ร่อนจากตัวละครหนึ่งสู่ตัวละครหนึ่ง และเขาไม่รู้สึกถึงความต่อเนื่องของอารมณ์เขาเลยต้องการสร้างความรู้สึกเป็นเรื่องราวมากกว่าเป็นลำดับเหตุการณ์ เขาไม่ได้มองว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการนำมาสร้างใหม่



ที่มา : https://th.wikipedia.org/wiki/

ภาพยนต์ Alice Through the Looking Glass (อลิซภาค 2)

          ทิม เบอร์ตัน ได้เลือกนำหนังสือสองเล่ม คือ Alice’s Adventures in Wonderland (1865) ที่อลิซตามกระต่ายขาวเข้าโพรงลงมายังแดนมหัศจรรย์ ...